ปีใหม่นี้เคาท์ดาวน์กัน - นิยาย ปีใหม่นี้เคาท์ดาวน์กัน : Dek-D.com - Writer
×

    ปีใหม่นี้เคาท์ดาวน์กัน

    " พี่ปีรอเคาท์ดาวน์อยู่นะครับ" "แต่...นี่เพิ่งต้นปีนะครับ" "ไม่ได้หมายถึงเคาท์ดาวน์แบบนั้น" "พี่ปีรอน้องดาวอยู่นะครับ"

    ผู้เข้าชมรวม

    103

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    103

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    3
    หมวด :  นิยายวาย
    จำนวนตอน :  2 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  3 พ.ค. 61 / 18:45 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ



                   สวัสดีครับ ผมชื่อปี เรียนอยู่ที่มอF คณะเศรษฐศาสตร์ ปีนี้อยู่ปีสองแล้ว มีเพื่อนอยู่สองคนทั้งมหาลัยคนแรกชื่อ 'คิว' อีกคนชื่อ 'อาร์' เพื่อนผมสองคนเนี่ยมันเป็นฝาแผดกันครับ แบบไข่ใบดียวกันอะไรประมาณนั้น หน้าตาเหมือนกันยังไม่พอ นิสัยยังเหมือนกันอีก กวนประสาทเหมือนกันแด๊ะ พวกเราเจอกันได้เนี่ยมันไม่ธรรมดานะครับ


    ย้อนไปเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว


                       นิสิตหน้าใหม่กำลังยืนเข้าแถวเรียงรายเข้ารับป้ายชื่อบ้าง นั่งกันเป็นกลุ่มบ้าง เต้นบ้าง  ทุกคนต่างทำตามที่พวกพี่ๆเขาสั่งกัน ส่วนผมน่ะเหรอ ไม่ได้ทำอะไรกับเขาหรอก ปลีกวิเวกออกมาสูบบุหรี่อยู่ข้างตึกคณะตัวเอง ผมอักควันบุหรี่เข้าปอดอีกครั้งก่อนที่จะทิ้งมวนบุหรี่ลงพื้น ก็มีใครสองคนมาขวางทางไว้ ผมไล่มองตั้งแต่เท้าโอนิสึกะที่เหมือนกันจนมาถึงหัวของบุคคลที่ยืนขวางทางสองคน แม่งหน้าตาแม่งเหมือนกันโครต

    “มีไร” ผมก้มหน้าลงนิหน่อยแล้วถามออกไป ส่วนสูงของผมสูงกว่าพวกแฝดนี่นิดหน่อย ผมก็สูงมากกว่ามาตรฐานชายไทยนิดหน่อย แค่ร้อยเก้าสิบเป๊ะ

    “กูคิว”คนทางขวาพูด

    “กูอาร์”ทางซ้ายพูด

    “พวกเราคือเดอะแก๊ง ” พวกมันพุดพร้อมกันพร้อมทำท่าทางไปด้วย พวกมันหันหลังชนกันแล้วชี้นิ้วของพวกมันมาทางผม เหอะถ้ามีเพลงนึกว่าเต้น nobody

    ผมส่งสายตาใส่พวกมันถามกันนัยๆว่า อะไรของมึง

    “ฮึ้ม เอ่อ แล้วมึงชื่อไร” พวกมันกลับมายืนตรงเหมือนเดิม

    คือกูต้องบอก? “กูปี” เออบอกก็ได้

    “ต่อไปนี้พวกเราเป็นแก๊งเดียวกันนะเว้ย”


                        และนับตั้งแต่นั้นมาก็เป็นแก๊งเดียวกัน มีกันอยู่สามคน จริงจริงมันฏ้ธรรมดาล่ะครับ คนหล่อๆมักจะอยู่ด้วยกัน ในแก๊งผมอะหล่อสุด ไม่อยากจะคุยนี่ผมเป็นคนหลายชาตินะครับ แหนะๆเดี๋ยวหาว่าโม้ ผมเป็นลุกครึ่งไทยอังกฤษ เสี้ยวจีน แต่ยีนทางด้านจีนกับอังกฤษนั้นจะไม่ค่อยเด่นเท่าไหร่ ตาของผมสีน้ำตาลอ่อนๆไม่รู้ว่าทางไหน แต่น่าจะไทย ขาวได้จีน สูงได้ทางยุโรป

         แต่ไอ้พวกแฝดมันก็หล่อนะครับแต่แบบแม่งเหมือนกันเกิ๊นน สู้ผมไม่ได้เพราะผมมีคนเดียวไงไม่มีสอง

              มาพุดถึงปัจจุบันดีกว่าครับ ตอนนี้เป็นเวลา17.00 วันนี้อาจารย์ม่งไม่รู้จะสอนห่าไรนักหนา แม่งเซ็ง รถก็พัง แล้วจะกลับไงวะเนี่ย

    “เฮ้ย ปีมึงไปไหนต่อปะวะ ” เพื่อนคิวถามผม

    “กลับเลยแหละ”

    “อ้าวแล้วมึงกลับไง เมื่อเช้าเห็นมึงบ่นว่ารถเสียซ่อมที่ศูนย์”  อาร์ถามต่อ

    “แท็กซี่แหละ” ผมบอกไปอย่างเซ็งๆ

    “กลับกะพวกกูป่าว”

    “ไอ้สัสรถกูมีสองที่นั่ง” ไอ้คิวสวนกลับมาทันที

    สัสแล้วจะถามทำไมวะพวกมึงก็มาด้วยกันกลับด้วยกัน เห้ออ คนรวยก็เงี่ยแม่งถ้ากูมีรถน่ะกูจะซื้อรถตู้สัส

    เดี๋ยวกูก็ขับสปอร์ต

    เอ่อช่างแม่ง

    “เออ งั้นเดี๋ยวเจอกัน” ผมบอกและเดินไปทางหลังมอเพราะมันอยู่ใกล้สุด

    ผมนั่งรอรถแท็กซี่ที่ป้ายรถเมล์หลังมอที่ไม่รู้ว่ารถเมล์สายอะไรวิ่งผ่านบ้าง ผมว่าสงสัยแม่งวิ่งผ่านคนละชั่วโมงแน่เลย ก็ผมนั่งมาครึ่งชั่วโมงแล้วมีแต่รถมอเตอร์ไซด์วินวิ่งผ่านไปผ่านมา

                   ตอนนี้ฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีเพราะมันจะทุ่มแล้ว แม่งไม่มีรถเมล์เหรอว่ะ หรือว่าเส้นเก่ามันไม่ผ่าน แต่ช่างแม่งเหอะ คือแม่งฝนจะตกไง แม่งผ่านมาเหอะสักคนล่ะกูกราบ ผมเริ่มกระหน่ำตกลงมา ไม่ใช่ปรอยฝนนะครับ แม่งตกทีป้ายรถเมล์จะพัง เหงาก็เหงา ไม่มีใครนั่งเป็นเพื่อนเลย นั่งคนเดียวมาสองชั่วโมง ป้ายแม่งร้างแล้วแหละ

                       และแล้ว....ก็มีคนเดินมาทางผมสงสัยมารอรถ แต่ผมไม่ได้สนใจหรอก เด็กตัวน้อยๆเขามาพร้อมกับร่มในมือที่กางอยู่ และเดินไปผมไม่ได้รู้ว่าไอ้เด็กมหาลัยตัวเล็กนี่มันหน้าตาเป็นยังไงเพราะแม่งใส่หมวกแก๊ปใส่แว่นดำ และแมชปิดปาก โจรป่ะวะ

                        มันเดินผ่านผมไปและนั่งที่นั่งสุดท้าย ผมเลยมองไปที่ถนนที่มีรถผ่านนานๆที ผมไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเลย แต่พอหันไปอีกทีคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามผมแม่งหาย หายไปไหนว่ะ

    แต่มีบางสิ่งบนที่นั่งแทน

                        ผมเดินไปตรงที่คนคนนั้นนั่ง และพบว่ามันเป็นร่มสีชมพู ผมหยิบขึ้นมาดูสงสัยมันจะลืม แล้วมันกลับไงว่ะ เออช่างมันเหอะ ขอยืมหน่อยล่ะกัน

                            ผมสะบัดร่มนิดหน่อยเพราะเปียกจากการถูกฝนสาด ผมรีบกางร่มเมื่อเริ่มเดินออกจากป้ายรถเมล์ ทันทีที่กางร่ม กลับมีเชื่อสีขาวและแผ่นกระดาษเอสีอันน้อยนิดที่เปียกไปด้วยน้ำหล่นลงมาจากร่มห้อยโตงเตงไปมา

     ทำให้ปีชายผู้ถือร่มอยู่นั้นยิ้มมุมปากเล็กน้อยและเดินจากป้ายรถเมล์แห่งนั้นไป

     

    ถึง..พี่ปี


    ..................

    ฝากน้องดาวพี่ปีด้วยนะค่ะ


    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น